ช่วงเวลา 15 ปีเต็ม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มีผู้จัดการทีม 5 คน แต่มีเพียง 2 คนที่นำความสำเร็จอันยิ่งใหญ่กลับคืนสู่ถิ่นแอนฟิลด์ คนแรกคือ “ราฟาเอล เบนิเตซ” ส่วนคนที่ 2 คือ “เยอร์เกน คลอปป์” ซึ่งทั้งคู่มีช่วงเวลาที่สุขและเศร้าคล้ายกัน โดยเฉพาะเวทียูฟ่า แชมเปียนส์ลีก…
เริ่มกันที่ เบนิเตซ กุนซือชาวสเปน ที่เข้ามาคุมทีมเมื่อฤดูกาล 2004-05 ซึ่งแค่ฤดูกาลแรกก็สร้างปาฏิหาริย์นำทัพหงส์แดงผงาดแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้เป็นสมัยที่ 5 ทันที เล่นเอาฮือฮากันไปทั้งบาง
ในตอนนั้น “ลิเวอร์พูล” ที่เป็นรองทั้งชื่อชั้นและขุมกำลัง ต้องพบกับคู่ชิงชนะเลิศอย่าง “เอซี มิลาน” ยักษ์ใหญ่จากอิตาลี ที่ถูกยกให้เป็นต่อหลายขุม และเพียงแค่ครึ่งแรก ขุนพลปิศาจแดงดำก็ทำประตูออกนำห่างถึง 3-0
แต่ในครึ่งหลัง เกมพลิกกลับมาทางฝั่งหงส์แดงบ้าง เมื่อยิงคืนรวดเดียว 3 ประตู ทำให้กลับมาเสมมอกัน 3-3 แบบเหลือเชื่อ เพราะใช้เวลาแค่ 6 นาทีในการตีเสมอ
จบเกม 90 นาที เสมอกัน 3-3 ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที แต่ไม่มีประตูเกิดขึ้น ต้องมาหาผู้ชนะด้วยการดวลลูกจุดโทษ และเป็น “ลิเวอร์พูล” ที่ยิงแม่นกว่า เฉือนเอาชนะไปแบบสุดระทึก 3-2 ผงาดแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก สมัยที่ 5 และเป็นแชมป์รายการนี้ครั้งแรกในรอบ 21 ปี เลยทีเดียว
ต่อมาในฤดูกาล 2006-07 เบนิเตซนำทัพหงส์แดงเข้าชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้เป็นครั้งที่ 2 โดยพบกับคู่แข่งหน้าเดิม “เอซี มิลาน” ที่คราวนี้ยอดทีมจากอิตาลีเตรียมตัวมาอย่างดี เพราะไม่อยากเจ็บปวดเหมือน 2 ปีก่อน
เกมในนัดนี้ไม่สนุกตื่นเต้นเหมือนครั้งก่อน เกมจบลงใน 90 นาที และเป็น “เอซี มิลาน” ที่ชำระแค้น เฉือนชนะไป 2-1 คว้าแชมป์สมัยที่ 7 ไปครอง
จากนั้น เบนิเตซอยู่คุมทีมต่อ ก่อนจะอำลาถิ่นแอนฟิลด์ไปหลังจบฤดูกาล 2009-10
ทางด้านคลอปป์ กุนซือชาวเยอรมัน ตัดสินใจเซ็นสัญญาคุม “ลิเวอร์พูล” เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2015 มาแทนที่การจากไปของ “เบรนแดน ร็อดเจอร์ส” ที่โดนเด้งหลังเปิดฤดูกาล 2014-15 ได้ 2 เดือน
และในฤดูกาล 2017-18 คลอปป์นำทัพหงส์แดงเข้าชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ครั้งที่ 8 พบกับ “เรอัล มาดริด” อดีตแชมป์ 12 สมัย และด้วยความผิดพลาดของลูกทีม ส่งผลให้ “ลิเวอร์พูล” แพ้ไปอย่างน่าผิดหวัง 1-3
แต่มาถึงฤดูกาล 2018-19 คลอปป์ยังนำ “ลิเวอร์พูล” เข้าชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งที่ 9 โดยเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน เป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสรอีกด้วย
ในครั้งนี้คู่ชิงเป็นทีมจากลีกเดียวกันนั่นคือ “ทอตแนม ฮอตสเปอร์” และด้วยประสบการณ์ที่เจอในปีก่อน ทำให้ขุนพลหงส์แดง กลับมาแก้ตัวได้สำเร็จ เอาชนะไปได้ 2-0 คว้าแชมป์สมัยที่ 6 ไปครองได้สำเร็จ ถือเป็นแชมป์รายการแรกของกุนซือชาวเยอรมันที่ทำได้อีกด้วย