“สักวันหนึ่ง ผู้คนจะหลั่งไหลมาที่งานศพของกู เพื่อจะแน่ใจว่ากูตายแล้วจริง ๆ แต่วันนั้นไม่ใช่วันนี้ กูยังมีชีวิตอยู่ หัวใจกูยังเต้นแรง และกูได้สูดอากาศสดชื่นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี”
จอน ม็อกซ์ลีย์ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ ดีน แอมโบรส กล่าวประโยคนี้หลังเปิดตัวกับสมาคม AEW และหันหลังให้กับค่ายมวยปล้ำหมายเลขหนึ่งของโลกอย่าง WWE โดยไม่ใยดี
การย้ายข้างครั้งนี้ของม็อกซ์ลีย์ ถือเป็นข่าวใหญ่ที่หยุดโลกมวยปล้ำไว้ชั่วขณะ เพราะไม่มีใครคิดว่า WWE จะปล่อยบุคลากรฝีมือดี ให้แก่คู่แข่งที่กำลังเขย่าบัลลังก์ของพวกเขา
นี่คือเรื่องราวการข้ามฝั่งที่สะเทือนวงการมวยปล้ำของ จอน ม็อกซ์ลีย์ ตั้งแต่วันที่เขาเริ่มเกิดความไม่พอใจ จนแตกหักกับ WWE สู่วันที่ก้าวเดินบนเส้นทางของตัวเอง ในฐานะนักมวยปล้ำยอดเยี่ยมปี 2020
เรื่องราวของ ดีน แอมโบรส
“จอน ม็อกซ์ลีย์” หรือชื่อจริง โจนาธาน กูด เปิดตัวใน WWE (World Wrestling Entertainment) เมื่อปี 2012 ภายใต้ชื่อ “ดีน แอมโบรส” เขาคือหนึ่งในสามสมาชิกของ The Shield กลุ่มมวยปล้ำที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดกลุ่มหนึ่งในทศวรรษ 2010s ร่วมกับ โรมัน เรนส์ และ เซท โรลลินส์
สมาชิกแต่ละคนของ The Shield ต่างมีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นกันคนละแบบ แต่ไม่มีใครที่เปิดตัวได้ร้อนแรงเท่า แอมโบรส เขาคือนักมวยปล้ำที่มีศักยภาพครบเครื่องในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ทักษะการปล้ำ, ทักษะการพูด และเสน่ห์เฉพาะตัว
แอมโบรส ถูกผลักดันอย่างรวดเร็วโดย WWE แม้เปิดตัวสู่ค่ายหลักไม่ถึงหนึ่งปี เขาคว้าแชมป์ WWE United States Championship มาครองในศึก Extreme Rules 2013 และถือเข็มขัดเส้นนี้ยาวนาน 351 วัน ส่งผลให้แอมโบรสกลายเป็นแชมป์ยูเอสที่ครองตำแหน่งนานที่สุดในยุคของ WWE
นับจากจุดนั้น ดีน แอมโบรส ถือเป็นนักมวยปล้ำแถวหน้าของสมาคมโดยตลอด และด้วยแพชชั่นส่วนตัวที่มีต่อกีฬามวยปล้ำ เขาทุ่มเทร่างกายอย่างเต็มที่ และทำงานหนักตามบทบาทที่ได้รับโดยไม่เคยปริปากบ่น นั่นจึงทำให้ แอมโบรส ได้รางวัลตอบแทนแทน ด้วยการคว้าแชมป์โลก WWE เมื่อปี 2016
แต่การทำงานหนักมากเกินไปไม่เคยเป็นเรื่องดี แอมโบรส ได้รับอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อแขนส่วนหลัง และต้องพักการปล้ำนาน 9 เดือน ขณะเดียวกัน สภาพจิตใจของเขาก็เริ่มย่ำแย่ เนื่องจากการทำงานหนัก และระบบของ WWE ที่ไม่ให้อิสระกับนักมวยปล้ำในค่ายมากนัก
คริส เจอริโก อีกหนึ่งอดีตนักมวยปล้ำของ WWE ที่หนีมาซบ AEW (All Elite Wrestling) ได้เปิดเผยเรื่องราวของตัวเองว่า หลังจากที่เขาได้โอกาสปล้ำกับ เคนนี โอเมกา ในค่าย NJPW (New Japan Pro Wrestling) เมื่อเดือนมกราคม ปี 2018 เจอริโก สัมผัสได้ถึงอิสระ และความสนุกในการขึ้นปล้ำที่เขาไม่ได้สัมผัสมานาน จน เจอริโก เริ่มถามตัวเองว่า “เราอยากกลับไปปล้ำให้ WWE จริงหรือ ?”